บทความ, เสริมหน้าอก

ยกกระชับหน้าอก  แก้อกยาน อกหย่อนคล้อย แบบผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด!!

การมีหน้าอกที่กระชับ ทรงสวย คือ ความต้องการของสาว ๆ หลายคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หรือมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร การเสริมหน้าอกขนาดใหญ่จนเกินไปหรือมีพังผืดหดรัดผิดรูป หรือการลดน้ำหนักลงเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ทรวงอกของเราหย่อนคล้อยและไม่กระชับเหมือนเดิม วิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและคืนความสวยงามให้กับทรวงอกของเราก็คือ “การเสริมหน้าอกยกกระชับ”ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยมากขึ้นในปัจจุบัน

สาเหตุของหน้าอกหย่อนคล้อย

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังและเนื้อเยื่อหน้าอกจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยและขาดความเต่งตึง

  2. การตั้งครรภ์และการให้นมบุตร: ในระหว่างการตั้งครรภ์ เนื้อเยื่อหน้าอกจะขยายตัวเพื่อรองรับน้ำนม และหลังจากการให้นมบุตรผิวหนังอาจไม่กลับสู่สภาพเดิม ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยได้

  3. การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก: การลดน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วจะทำให้ผิวหนังขยายและหดตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่นอย่างรวดเร็ว หน้าอกเกิดการสูญเสียความกระชับและหย่อนคล้อยได้

  4. กรรมพันธุ์: ลักษณะทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดขนาด รูปร่าง และความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อหน้าอก หากครอบครัวมีประวัติหน้าอกหย่อนคล้อย ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน

  5. การเสริมหน้าอกขนาดใหญ่จนเกินไปหรือมีพังผืดหดรัดผิดรูป: การเสริมหน้าอกที่ใหญ่จนเกิดไป ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจ หรือเกิดภาวะข้างเคียง เช่น ผิวแตกราย ปานนมขนาดใหญ่ หน้าอกหย่อยคล้อย หรือปวดบ่าหลัง รวมไปถึงการผ่าตัดเสริมหน้าอกที่ผิดวิธีหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน มีทรงที่ผิดรูป หรือพังผืดหดรัด ก็เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย ที่ทำให้ต้องมีการแก้ไขยกกระชับในปัจจุบัน

เช็กระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอก ว่าคุณอยู่ในระดับไหน

ระดับความหย่อนคล้อย หมายถึง การแบ่งประเภทของการหย่อนคล้อยของหน้าอก ตามลักษณะและตำแหน่งของเต้านม โดยแพทย์จะใช้ในการประเมินระดับความหย่อนคล้อย เพื่อพิจารณาในการตัดสินใจเกี่ยวกับเทคนิคที่จะใช้ในการรักษา ตัวอย่างการแบ่งระดับความหย่อนคล้อยมีดังนี้ :

  1. ระดับ 0 ไม่มีความหย่อนคล้อย : หัวนมจะอยู่กึ่งกลางเต้านม ชี้พุ่งตรง ตั้งฉากไปด้านหน้า ไม่จำเป็นต้องยกกระชับเต้านม

  2. ระดับ 1 หย่อนคล้อยเล็กน้อย :  เต้านมตกลงมาเล็กน้อย หัวนมเคลื่อนต่ำลงมาเล็กน้อยแต่ยังคงชี้ไปข้างหน้า อาจไม่จำเป็นต้องยกกระชับเต้านมก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล

  3. ระดับ 2 หย่อนคล้อยปานกลาง : หัวนมอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวกลางหน้าอก หน้าอกมีลักษณะหย่อนและเริ่มเสียความกระชับ อาจพบว่าหัวนมชี้ลงได้เล็กน้อย

  4. ระดับ 3 หย่อนคล้อยมาก: เต้านมห้อย และหัวนมชี้ลงมาอย่างชัดเจน หัวนมอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวกลางหน้าอกและชี้ลงล่าง หน้าอกมีลักษณะหย่อนคล้อยชัดเจนและเสียรูปทรงไปมาก

  5. ระดับ 4 หย่อนคล้อยขั้นรุนแรง: เต้านมจะห้อยและหย่อนยานมาก หัวนมอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวกลางหน้าอกและชี้ลงอย่างมาก เนื้อหน้าอกส่วนใหญ่สะสมที่ใต้ราวนม หน้าอกมีลักษณะหย่อนคล้อยมากที่สุดและต้องการแก้ไขเพื่อคืนรูปทรงหน้าอกเดิมที่เคยกระชับ

การผ่าตัดยกกระชับหน้าอก เหมาะกับใครบ้าง

  1. ผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยเนื่องจากการอายุมากขึ้น การผ่าตัดยกกระชับสามารถช่วยให้หน้าอกกลับมาดูเต่งตึงและกระชับขึ้นได้

  2. ผู้ที่หน้าอกหย่อนคล้อยหลังการตั้งครรภ์ และการให้นมบุตร ทำให้เนื้อเยื่อหน้าอกขยายตัวและหดกลับทำให้หน้าอกสูญเสียความกระชับ การยกกระชับจะช่วยให้ทรวงอกกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

  3. ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหลังการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วทำให้เนื้อเยื่อไขมันหายไป ซึ่งอาจทำให้หน้าอกสูญเสียความเต็มอิ่มและหย่อนคล้อย การผ่าตัดยกกระชับจะช่วยให้หน้าอกมีรูปร่างที่ดีขึ้น

  4. ผู้ที่มีหัวนมหรือปานนมอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวกลางหน้าอก เป็นสัญญาณของการหย่อนคล้อย การผ่าตัดยกกระชับจะช่วยให้หัวนมกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

  5. ผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างหน้าอกโดยไม่ต้องการเพิ่มขนาด หากต้องการให้หน้าอกมีทรงสวยและกระชับขึ้น แต่ไม่ต้องการเพิ่มขนาดหรือใส่ซิลิโคน การยกกระชับหน้าอกเป็นวิธีที่เหมาะสม

  6. ผู้ที่มีขนาดหน้าอกใหญ่และหย่อนคล้อยจากกรรมพันธุ์ ทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือไม่สบาย การยกกระชับหน้าอกสามารถช่วยให้หน้าอกเล็กลงและมีรูปร่างที่เหมาะสมมากขึ้น

  7. ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกไม่เท่ากัน: การยกกระชับสามารถช่วยปรับรูปทรงและตำแหน่งของหน้าอกที่ไม่เท่ากัน เพื่อให้ดูสมดุลและได้สัดส่วน

  8. ผู้ที่เคยเสริมหน้าอกมาแล้วมีขนาดใหญ่จนเกินไป หรือมีการผิดรูป เป็นริ้ว จากการเกิดพังผืดหรือซิลิโคนไม่ได้คุณภาพ ทำให้หน้าอกหย่อนยาน บิดเบี้ยว ต้องการลดขนาดให้ได้ตามที่ต้องการหรือปรับรูปทรงให้สวยงาม การยกกระชับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

เทคนิคการผ่าตัดยกกระชับ การผ่าตัดยกกระชับหน้าอก

(Breast Lift หรือ Mastopexy) ที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery มีหลายเทคนิคที่แพทย์พิจารญาจากระดับความหย่อนคล้อย และความต้องการของคนไข้ เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดแต่ละเทคนิคมีจุดประสงค์เพื่อให้หน้าอกกระชับขึ้น มีรูปทรงที่ดี โดยทั่วไปมีเทคนิคหลักๆ 3 เทคนิค ขึ้นกับแผลที่ใช้ในการผ่าตัด ดังนี้:

  1. เทคนิครอบปานนม (Periareolar Incision หรือ Doughnut Lift) ทำการผ่าตัดบริเวณรอบปานนม เป็นรูปตัว O

แผลเป็นจะถูกจำกัดอยู่รอบปานนม ซึ่งช่วยลดการมองเห็นแผลเป็นหลังการผ่าตัด

ㆍ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ต้องการลดขนาดปานนม หรือต้องการแก้ไขลดขนาดซิลิโคนหน้าอกในผู้ต้องเคยเสริมหน้าอกมาก่อน

ㆍผลลัพธ์: ช่วยให้รูปร่างของหน้าอกดูเต็มและกระชับมากขึ้น สามารถเสริมซิลิโคนผ่านแผลปานนมได้เลย ไม่ต้องมีแผลอื่นเพิ่ม

ㆍการฟื้นตัว: ผู้ป่วยมักจะฟื้นตัวได้เร็วและมีอาการบวมและช้ำที่น้อยกว่าการทำแผลในรูปแบบอื่น

             2 .เทคนิคแบบแนวตั้ง (Vertical Incision หรือ Lollipop Lift) ทำการผ่าตัดบริเวณรอบปานนม และต่อเนื่องลงมาจากปานนมถึงเส้นใต้ราวนม

ㆍ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก เนื้อเยื่อเต้านมหย่อนคล้อยบริเวณใต้ราวนมไม่มาก ต้องการการยกและปรับรูปทรงของหน้าอกให้หัวนม สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ㆍ ผลลัพธ์: หน้าอกจะดูเรียบเนียนและมีรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

ㆍการฟื้นตัว: อาจมีอาการบวมและช้ำมากกว่าการทำแผลรอบปานนม แต่ส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้ภายในระยะเวลาไม่นาน

            3. เทคนิคตัวทีคว่ำ (Anchor Incision หรือ Inverted T Lift) เป็นเทคนิคที่ทำแผลในลักษณะที่มีทั้งแผลรอบปานนม แนวดิ่งจากปานนมลงไปถึงฐานหน้าอก และแนวนอนโค้งตามฐานของหน้าอก ทำให้เกิดลักษณะคล้ายกับตัว “T” หรือ “anchor” แผลจะมีลักษณะซับซ้อนกว่าเทคนิคอื่น ๆ เนื่องจากมีทั้งสามส่วน ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถยกกระชับหน้าอกได้มากขึ้น

ㆍ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยอย่างมาก หรือมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่ และต้องการยกกระชับพร้อมลดขนาดหน้าอก

ㆍ ผลลัพธ์: เทคนิคนี้สามารถยกกระชับและปรับรูปทรงหน้าอกได้ดีที่สุด แต่อาจมีแผลเป็นมากกว่าวิธีอื่นๆ มีความเสี่ยงในการเกิดหัวนมปานนมขาดเลือดได้
ㆍ การฟื้นตัว: อาจมีอาการบวมและช้ำมากกว่าการทำแผลในเทคนิคอื่นๆ แต่โดยทั่วไปสามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาต่อมา

J Plasma ยกกระชับทรวงอก ไม่ผ่าตัด! คืออะไร
ที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery ถือว่าเป็นอันดับต้นๆของไทยที่หมอโน้ต ผสมผสานนวัตกรรมการกระชับผิวด้วยเครื่อง J Plasma (หรือ Renuvion) มาพัฒนาต่อยอดในการแก้ปัญหาการยกกระชับหน้าอกแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับทรวงอกโดยไม่ต้องทำการผ่าตัดแบบดั้งเดิม นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาผ่าน US FDA ซึ่งจะเป็นการเปิดแผลเพียงเล็กน้อยแค่ 2 -3 มิลลิเมตร (mm.) บริเวณปานนม และใต้ราวนม เพื่อให้หัว J Plasma พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ RFและพลังงานฮีเลี่ยมพลาสม่า (Helium Plasma) เข้าไป ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้อกกระชับเต่งตึงเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ รวมถึงสามารถลดขนาดปานนม และยังทำพร้อมกันกับการเติมไขมันหน้าอก และการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนได้ด้วย โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้:

  1. การใช้พลังงานพลาสม่า: พลาสม่าที่เกิดขึ้นจะช่วยกระชับผิวหนังและลดความหย่อนคล้อย โดยการทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น

  2. การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: เนื่องจากเป็นการทำที่ไม่เจ็บปวดมาก อาการบวมและฟกช้ำมักจะน้อยกว่า ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว

  3. ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ยกกระชับทรวงอก ด้วย J Plasma เหมาะกับใครบ้าง?

  1. ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับหน้าอก

ให้เต่งตึงขึ้น แต่ไม่ต้องการการผ่าตัดขนาดใหญ่

  1. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่: เนื่องจากเทคนิคนี้เป็นวิธีที่ไม่ทำการตัดหนังส่วนเกินออก การฟื้นตัวและการดูแลจะง่ายกว่าการผ่าตัด

  2. ผู้ที่ต้องการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว: ผู้ที่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วหลังการรักษา

เทคนิคการยกกระชับหน้าอกนั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาระดับความรุนแรงของแต่ละบุคคล และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยสามารถพิจารณาพูดคุยแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับแพทย์ได้ โดยแพทย์ที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery มีเทคนิคที่หลากหลายในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นวิธีการผ่าตัด หรือแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยที่ให้การรักษาโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ผู้ชำนาญการด้วยทรวงอก  การผ่าตัดจะทำในโรงพยาบาล ซึ่งได้รับรองมาตรฐานการรักษาระดับสากลจากสถาบัน JCI สหรัฐอเมริกา และดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ทุกเคส