เสริมหน้าอก แผลเล็ก สัมผัสนิ่ม เสมือนหน้าอกจริง

การเสริมหน้าอก ทำนม (breast augmentation) เป็นหนึ่งในศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มขนาดเต้านม แต่ยังช่วยปรับทรวดทรงให้ดูเต็มขึ้น และแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของหน้าอกในผู้หญิงได้เป็นอย่างดี เหตุผลที่หลายคนเลือกทำศัลยกรรมหน้าอกนั้นมีหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่ความต้องการเพิ่มความมั่นใจ ไปจนถึงการแก้ปัญหาของคุณแม่หลังคลอด หรือหลังจากการลดน้ำหนักเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญ คือ การเสริมหน้าอกสามารถช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกดีกับรูปร่างตนเองและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจทำหน้าอก ความสวยต้องมาคู่กับความปลอดภัย KPS Kasemrad Plastic Surgery เป็นสถานพยาบาลที่ได้ รับรองมาตรฐานการรักษาระดับสากลจากสถาบัน JCI สหรัฐอเมริกา ห้องผ่าตัดและเครื่องที่ใช้ในการผ่าตัดปลอดเชื้อ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ทันสมัย ผ่าตัดภายใต้ศัลยแพทย์เฉพาะทางทุกเคส ร่วมกับการระงับความรู้สึกระหว่างผ่าตัดและหลังผ่าตัด โดยวิสัญญีแพทย์ ช่วยลดความกังวลและลดความเจ็บปวดของคนไข้ คอยติดตาม รายงานผล และดูแลสัญญาณชีพ ตลอดการผ่าตัด รวมถึงห้องพักฟื้นหลังผ่าตัด สำหรับการสังเกตอาการของคนไข้โดยพยาบาลวิชาชีพตลอดเวลา และห้องพักฟื้นที่หอผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องเดี่ยว VIP พร้อมรองรับผู้ป่วยทุกท่านเข้ารับบริการ

กระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้เพื่อเพิ่มขนาดหน้าอก หรือปรับรูปร่างสรีระหน้าอกของผู้หญิง มีหลายเทคนิคด้วยกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างหน้าอกเดิม และปัญหาของแต่ละบุคคล ดังนี้

  1. การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Breast Implant)

คือ การผ่าเสริมขนาดหน้าอกโดยใช้วัสดุเสริมที่ทำจากซิลิโคนเพื่อเพิ่มขนาดและปรับรูปทรงของเต้านมให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างและความต้องการของคนไข้มากที่สุด ซิลิโคนที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery เลือกใช้เป็นวัสดุทางการแพทย์ ให้สัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อเต้านมธรรมชาติ ปลอดภัย ได้รับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) และเป็นที่ยอมรับจากหลากหลายประเทศทั่วโลก

ทาง KPS Kasemrad Plastic Surgery มีซิลิโคนให้เลือกหลากหลายแบบ ตามสรีระของแต่ละบุคคล ซึ่งจะตัดสินใจร่วมกับคำแนะนำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง โดยจะมีสองยี่ห้อดัง ที่สาวๆนิยมเสริมหน้าอก ทำนม กันมากที่สุดนั่นก็คือ Mentor กับ Motiva

ซิลิโคนเสริมหน้าอก Mentor เป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกา ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย ที่ได้รับความนิยมของสาวไทยมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีงานวิจัยยืนยันถึงความปลอดภัย และการรับประกันแตก รั่ว ตลอดชีพ ที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery มีให้เลือกอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

Mentor MemoryGel มีทั้งรุ่นผิวเรียบ และผิวทราย รูปทรงกลม มีความพุ่งหลายทรงให้เลือก ความเต็มบรรจุเนื้อเจล 93% เปลือกซิลิโคนมีความหนาและแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ 2 เท่า มีความคงตัว คืนทรงได้ดี ให้สัมผัสนิ่ม นุ่มนวล เป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง ช่วยให้หน้าอกมีความอวบอิ่ม เต่งตึง เข้ารูปสวยงาม

Mentor MemoryGel Xtra มีทั้งรุ่นผิวเรียบ และผิวทราย รูปทรงกลม มีความพุ่งหลายทรงให้เลือก สัมผัสนุ่มธรรมชาติกว่ารุ่นแรก ผนังหุ่มซิลิโคนบางลง 35% ความเต็มบรรจุเนื้อเจล 98% มีความยืดหยุ่นถึง 8 เท่า มีความแข็งแรงมากกว่า 30% ออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระคนเอเชีย เน้นเนินหน้าอก ทรงพุ่ง สัมผัสนิ่ม ไม่ต้องนวด เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาอกหย่อนคล้อย หรือแก้เสริมใหม่จากปัญหาการเห็นริ้วซิลิโคน และยังช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมอีกด้วย

Mentor MemoryGel Xtra ULTIMATE ที่สุดของ“ความนุ่มเป็นธรรมชาติ”แบบ 3 มิติ ออกแบบมาให้พอดีกับสรีระมากที่สุด เป็นซิลิโคนผิวเรียบ เนื้อเจลเต็ม 100% เปลือกซิลิโคนแข็งแรง และยืดหยุ่นดีที่สุดในแบรน Mentor ได้ระดับความพุ่งแบบ Moderate high ได้ความเซ็กซี่ แต่เป็นธรรมชาติ ทำให้ทรงเต้านม เสมือนจริง เนินอกฟู ดูเป็นธรรมชาติ เป็นรุ่นแรกรุ่นเดียวที่ผลิตในประเทศสหรัฐ​อเมริกา ผู้หญิงมากกว่า 8 ล้านคนทั่วโลก มั่นใจเลือกเสริมซิลิโคน Mentor

ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เนื่องด้วยมีการพัฒนาการผลิตที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อเจล ความยืดหยุ่นของผิวและเปลือกซิลิโคน มีรุ่นให้เลือกหลายขนาด รูปทรงที่ดูเป็นธรรมชาติสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้เป็นอย่างดี มีความปลอดภัยจากการอักเสบ น้ำเหลืองคั่ง และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด BIA-ALCL อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Bluseal ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วซึมของซิลิโคนเจล เนื้อสัมผัสเป็น Nano กำมะหยี่ (ผิวเรียบกึ่งทราย) ลดการเกิดพังผืด ที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery มีให้เลือกอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

 

Motiva Silk Surface เนื้อเจล 90% ซิลิโคนนิ่ม อยู่ทรง ให้สัมผัสที่นุ่ม สมูท เน้นเนินอก เพิ่มส่วนเว้าโค้ง และร่องชิด ขับเน้นความเซ็กซี่ในตัวคุณ หมดปัญหาหน้าอกแข็ง และริ้วซิลิโคน ไม่ต้องนวด เหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการหน้าอกสาย ฝอ. ทรงพุ่ง เนินอกชัดเจน มีการรับประกันการเกิดพังผืด 10 ปี และ รับประกันการแตก รั่ว ตลอดชีพ

Motiva Ergonomix1 เนื้อเจล 90% มี QID ฝังชิพเก็บข้อมูลซิลิโคน ให้สัมผัสนิ่ม เหมือนจริงยิ่งขึ้น เนินอกดูละมุนตา เคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติ เปลี่ยนแปลงรูปทรงเสมือนเนื้อนมจริงตามอริยาบท และท่าทางของ หลังเสริมให้สัมผัสผิวหน้าอกเนียนนุ่ม ไม่มีปัญหาหน้าอกแข็ง หรือเป็นริ้วซิลิโคน เหมาะสำหรับสาวๆที่มีผิวหน้าอกบาง เนื้อหน้าอกน้อย

2. การศัลยกรรมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Grafting)

เทคนิคนี้จะใช้ไขมันส่วนเกินจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้องหรือต้นขา ดูดออกมา ผ่านกระบวนการกรองเฉพาะเซลล์ไขมัน แล้วจึงฉีดเข้าไปในหน้าอก เพื่อจัดทรงให้ได้ขนาด และทรงที่สวยงาม วิธีนี้ทำให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและไม่มีสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยปกติการศัลยกรรมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง สามารถเพิ่มขนาดได้เพียง 1 – 2 คัพเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกเพียงเล็กน้อย และไม่ต้องการใส่ซิลิโคน ผลลัพธ์อาจไม่คงสภาพมากเท่ากับซิลิโคน อาจจะมีการสลายของไขมันลงได้ ดังนั้นวิธีนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปร่างผอมมากหรือผู้ที่มีไขมันสะสมในร่างกายน้อย

3.การเสริมหน้าอกแบบไฮบริด (Hybrid Augmentation)
คือ การผสมผสานระหว่างการใส่ซิลิโคนและการฉีดไขมันตัวเองไปพร้อมกัน ทำให้หน้าอกมีความเป็นธรรมชาติ เสมือนหน้าอกจริงมากขึ้น การเสริมหน้าอกแบบไฮบริดมีจุดเด่นในการเพิ่มขนาดหน้าอกด้วยซิลิโคนเพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการ และใช้ไขมันตัวเองในการเติมเต็มส่วนขอบและบริเวณที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่ม และความนุ่มนวล ทำให้หน้าอกดูเนียนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

การศัลยกรรมหน้าอกด้วยซิลิโคนมีเทคนิคการวางซิลิโคนที่แตกต่างกัน ซึ่งศัลยแพทย์จะเลือกเทคนิคการวาง โดยประเมินตามความต้องการและสภาพร่างกายของผู้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
เทคนิคหลักๆ มีดังนี้: 1.การวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ 2. การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ 3.การวางซิลิโคนแบบเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อ

  1. การวางซิลิโคนหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular)

คือ การวางซิลิโคนหน้าอกไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอก ระหว่างกล้ามเนื้อและซี่โครง โดยกล้ามเนื้อจะคลุมผิวซิลิโคนไว้ทั้งหมด

ㆍข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากกล้ามเนื้อจะช่วยปกปิดซิลิโคน ลดโอกาสการเกิดพังผืดรอบซิลิโคน และป้องกันการเห็นขอบซิลิโคนได้ดี

ㆍเหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อหน้าอกน้อย

 2. การวางซิลิโคนหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular)

คือ ซิลิโคนจะถูกวางไว้ใต้เนื้อเยื่อเต้านม แต่อยู่เหนือกล้ามหน้าอก

ㆍข้อดี:ช่วยให้เต้านมดูเต็มและกระชับ โดยเฉพาะส่วนบนของเต้านม

ㆍเหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว ต้องการความฟู และเติมเต็มเนินอกให้เอิบอิ่ม แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อเต้านมน้อย เนื่องจากอาจทำให้เห็นขอบของซิลิโคนได้ง่าย

3.การวางซิลิโคนแบบเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อ (Dual Plane)

เป็นการรวมเอาข้อดีของทั้งการวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular) และการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular) โดยศัลยแพทย์จะวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อในส่วนบนของหน้าอก และให้ซิลิโคนลงมาอยู่เหนือกล้ามเนื้อในส่วนล่าง ทำให้เต้านมดูอิ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเห็นขอบซิลิโคน ซึ่งเป็นเทคนิคการวางซิลิโคนที่นิยมมากที่สุด

ㆍข้อดี:ช่วยให้ได้ลักษณะที่ดูเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสการเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคน

ㆍ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อหน้าอกน้อย และการแก้ไขเต้านมที่หย่อนคล้อยเล็กน้อย

ส่วนการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนผ่านทางแผลในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งแต่ละตำแหน่งมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้

1.แผลใต้ราวนม (Inframammary Incision)
ㆍตำแหน่ง: แผลจะถูกสร้างบริเวณรอยพับใต้ราวนม
ㆍข้อดี: แผลเป็นซ่อนอยู่ใต้ราวนม ทำให้สังเกตเห็นได้ยาก และเป็นตำแหน่งที่ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถควบคุมตำแหน่งและการใส่ซิลิโคนได้ง่ายและแม่นยำ
ㆍ เหมาะสำหรับการใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่หรือซิลิโคนทรงหยดน้ำ เพิ่มความชิดของร่องอกและลดความเสี่ยงในการเสียเลือด
2. แผลรอบปานนม (Periareolar Incision)
ㆍตำแหน่ง: แผลจะอยู่รอบปานานม บริเวณขอบระหว่างปานนมและผิวหนัง
ㆍข้อดี:แผลเป็นจะถูกช่อนอยู่รอบปานนม สามารถทำการผ่าตัดแก้ไขรูปร่างปานนม ลดขนาดปานนม และยกกระชับได้ในคราวเดียว
3. แผลบริเวณรักแร้ (Transaxillary Incision)
ㆍ ตำแหน่ง: แผลจะถูกอยู่ใต้ข้อพับรักแร้
ㆍข้อดี: สามารถซ่อนไว้ได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องรอยแผลเป็นบนหน้าอก
ㆍข้อเสีย:การวางซิลิโคนผ่านรักแร้อาจทำได้ยากและใช้เวลานานกว่าการวางผ่านแผลใต้ราวนม หรือรอบปานนม และการปรับตำแหน่งซิลิโคนอาจทำได้ยากกว่า
ㆍเหมาะสำหรับ เคสเสริมใหม่ และเสริมซิลิโคนขนาดไม่ใหญ่มาก

 

สำหรับใครที่กังวลเรื่องแผลหลังผ่าตัด ต้องบอกเลยว่าที่ KPS Kasemrad Plastic Surgery มีเทคนิคการผ่าตัดทำให้แผลมีขนาดเล็กได้ ด้วยเทคนิค NanoScar ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัด ประกอบกับการใช้อุปกรณ์ Keller Funnel ช่วยในการผ่าตัด ซึ่งคือกรวยทางการแพทย์ แทนที่จะใช้มือดันเข้าไป ซึ่งช่วยลดการสัมผัสกับซิลิโคนโดยตรง ทำให้ลดโอกาสการติดเชื้อ การเกิดพังผืดหลังผ่าตัด และช่วยลดระยะเวลาการผ่าตัดลง เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียง 1.8 ซม. หรือไม่เกิน 3 ซม. ขอบแผลไม่บวมช้ำจากการเสียดสี ทำให้การเย็บแผลได้เนียบเรียบมากขึ้น ส่งผลให้แผลเป็นโอกาสเกิดน้อยลงและแผลมีขนาดสั้นลง เหมาะกับซิลิโคนหน้าอกทุกรูปแบบ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของซิลิโคนที่ใส่)
การเตรียมตัวก่อนการศัลยกรรมหน้าอกมีความสำคัญมากเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง: เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการศัลยกรรมหน้าอก และปรึกษาถึงปัญหา และความต้องการของคุณ เช่น ขนาดหน้าอกที่ต้องการ รูปทรงที่อยากได้ ความหย่อนคล้อยรวมถึงแนวทางการแก้ไข เพื่อประกอบการตัดสินใจ และร่วมกันระหว่างศัลยแพทย์และคนไข้ในการวางแผนการผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

  2. ตรวจสุขภาพ: ตรวจร่างกายทั่วไปและการตรวจเฉพาะที่แพทย์กำหนด เช่น ตรวจเลือด ตรวจการทำงานของปอดและหัวใจ เพื่อประเมินสภาพร่างกายว่ามีความพร้อมสำหรับการผ่าตัด

  3. งดอาหารและเครื่องดื่ม: งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันการอาเจียนขณะทำการดมยาสลบ

  4. งดยาบางประเภท: หลีกเลียงยาที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้ปวดบางชนิด หรืออาหารเสริมที่มีวิตามินอี โอเมก้า 3หรือสมุนไพร ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลกับแพทย์ทีาเข้ารับคำปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ทานอยู่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวคุณเอง

  5. งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เนื่องจากอาจมีผลต่อการหายของแผลและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างและหลังผ่าตัด

  6. เตรียมเร่างกายและสื้อผ้า: ทำการล้างเล็บมืออย่างน้อย 1 นิ้ว ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายและหลวมสำหรับใส่หลังการผ่าตัด โดยควรเลือกเสื้อผ้าที่มีซิปหรือกระดุมด้านหน้าเพื่อความสะดวกในการถอดและใส่ รวมถึงการถอดเครื่องประดับหรืออุปกรณ์ติดตัวที่เป็นโลหะ และฟันปลอมถ้ามีสำหรับผู้สูงอายุ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

  7. เตรียมความพร้อมทางจิตใจ: การทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญและความพร้อม ควรทำความเข้าใจกับความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้มีความพร้อมทั้งกายและใจ

  8. จัดเตรียมสถานที่และผู้ช่วย: หลังการผ่าตัดคุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือในช่วงแรก เช่น การเคลื่อนไหว หรือการทำกิจวัตรประจำวัน ดังนั้นควรจัดเตรียมคนช่วยเหลือและสถานที่ให้พร้อม
    การดูแลตัวเองหลังการเสริมหน้าอกก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้แผลหายดีและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
    โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้:

  9. พักผ่อนให้เพียงพอ: พยายามพักผ่อนให้เพียงพอในช่วงแรกหลังการผ่าตัด ร่างกายต้องการเวลาในการฟื้นตัว และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือการยกของหนักในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก

  10. นอนท่าที่เหมาะสม: ควรนอนหงายโดยมีหมอนรองศีรษะและหลังให้สูงเพื่อป้องกันการกดทับแผล และลดอาการบวม ควรหลีกเลียงการนอนตะแคง และนอนคว่ำในช่วงแรก ๆ หลังผ่าตัด

  11. ใส่เสื้อชั้นในชนิดพิเศษ: หลังการเสริมหน้าอกแพทย์จะแนะนำให้ใส่เสื้อชั้นในแบบพิเศษ เพื่อกระชับทรงสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดหน้าอก เพื่อรองรับและป้องกันการเคลื่อนที่ของซิลิโคน รวมถึงช่วยลดการบวมและเสริมความกระชับของหน้าอก

  12. หลีกเลี่ยงการยกแขนสูง: หลีกเลี่ยงการยกแขนสูงหรือการใช้แขนที่ต้องออกแรงมากในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้เกิดแรงดึงที่แผลและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการเคลื่อนที่ของซิลิโคน

  13. รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์: ควรรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ หรือยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดอาการเจ็บปวด

  14. ดูแลแผลผ่าตัด: ควรทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์ และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำจนกว่าแพทย์จะอนุญาต ควรระมัดระวังไม่ให้แผลเปียกหรือติดเชื้อ

  15. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรงดการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงหรือที่มีการกระทบกระเทือนต่อหน้าอกอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ แต่สามารถทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินเล่นได้เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด

  16. งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์หลังการผ่าตัดเนื่องจากอาจมีผลต่อการฟื้นตัวของแผลและการหายของเนื้อเยื่อ

  17. สังเกตอาการผิดปกติ: คอยสังเกตอาการผิดปกติ เช่น แผลบวม แดง หรือมีหนอง อาการเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้น หรือมีไข้สูง ควรรีบปรึกษาแพทย์หากพบอาการดังกล่าว

  18. เข้ารับการตรวจติดตาม: ควรนัดพบแพทย์ตามที่กำหนดเพื่อให้แพทย์ตรวจสอบการฟื้นตัวและดูแลความปลอดภัย รวมถึงประเมินทรงและตำแหน่งของซิลิโคน และหากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแล ควรปรึกษาแพทย์