ดูดไขมัน ลดสัดส่วน

Gastric Balloon เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ให้ผลการลดน้ำหนัก โดยการนำบอลลูนที่มีสารน้ำใส่ลงไปในกระเพาะอาหาร เพื่อลดปริมาณอาหารที่รับประทานลงและเพิ่มระยะเวลาที่รู้สึกอิ่มนานขึ้น ผลจากนี้ทำให้ร่างกายเริ่มใช้ไขมันส่วนเกินเพื่อผลิตพลังงาน สุดท้ายจะทำให้น้ำหนักลดลง

กระบวนการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 27 อีกทั้งการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธียังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากความอ้วน เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และอัมพฤกษ์สมอง อีกด้วย

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการกำจัดไขมันที่มีความปลอดภัยสูง โดยเน้นการดูดไขมันเฉพาะส่วนเพื่อให้ร่างกายมีสัดส่วนที่กระชับได้รูปมากยิ่งขึ้น หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมคือการใช้พลังงานคลื่นเสียง (Ultrasound) ไปทำลายเซลล์ไขมันในชั้นไขมัน ทำให้ก้อนไขมันกลายเป็นของเหลว ทำให้สามารถดูดออกมาอย่างนุ่มนวลและง่ายขึ้น

ข้อดีของการดูดไขมัน

Gastric Balloon เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ให้ผลการลดน้ำหนัก โดยการนำบอลลูนที่มีสารน้ำใส่ลงไปในกระเพาะอาหาร เพื่อลดปริมาณอาหารที่รับประทานลงและเพิ่มระยะเวลาที่รู้สึกอิ่มนานขึ้น ผลจากนี้ทำให้ร่างกายเริ่มใช้ไขมันส่วนเกินเพื่อผลิตพลังงาน สุดท้ายจะทำให้น้ำหนักลดลง

กระบวนการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 27 อีกทั้งการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธียังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากความอ้วน เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และอัมพฤกษ์สมอง อีกด้วย

  • ความแม่นยำสูง : พลังงานคลื่นเสียงสามารถทำลายเฉพาะเซลล์ไขมันได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นเลือดและเซลล์ประสาทบริเวณรอบ ๆ
  • ลดการเกิดรอยฟกช้ำและบวม : เนื่องจากการทำลายไขมันด้วยพลังงานคลื่นเสียงนั้นมีความละเอียดอ่อนและไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง การเกิดรอยฟกช้ำและบวมหลังการรักษาจึงลดลง
  • แผลหายเร็ว : การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ทำให้แผลหายเร็วและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่าเดิม

การดูดไขมัน (Liposuction) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินที่ดื้อและไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหาร โดยเฉพาะบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ใต้คาง โหนกหลังต้นคอ ท้องแขน หลัง เอว หรือแม้แต่เข่า ซึ่งในบางคนอาจจะมีก้อนไขมันปูดออกมา

ดูดไขมันส่วนไหนได้บ้าง

การดูดไขมันเหมาะกับใคร ?

  1. ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินที่ไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร: ไม่ว่าจะออกกำลังกายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลดไขมันได้ หรือไขมันไม่เห็นผลจากการออกกำลังกาย
  2. ผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนของร่างกาย: เพื่อให้ร่างกายมีสัดส่วนที่กระชับและได้รูปมากยิ่งขึ้น
  3. ผู้ที่ต้องการวิธีการกำจัดไขมันที่ปลอดภัย: การดูดไขมันด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงนั้นมีความปลอดภัยสูงและมีประสิทธิภาพในการกำจัดไขมัน
  4. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลในครั้งเดียว: หลังการรักษาจะเห็นผลได้ทันที โดยไม่ต้องรอนาน
  5. ผู้ที่ต้องการวิธีการรักษาที่เจ็บปวดน้อย: การใช้พลังงานคลื่นเสียงในการดูดไขมันทำให้มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อย และลดการเกิดรอยฟกช้ำและบวม ทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว

ด้วยเหตุนี้ การดูดไขมันจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินและต้องการปรับสัดส่วนของร่างกายอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนการดูดไขมัน (Liposuction)

  1. เตรียมบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน:
    • ศัลยแพทย์จะเติมน้ำเกลือชนิดพิเศษและยาชาเข้าไปในบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน วิธีนี้ช่วยลดความเจ็บปวด ลดการเกิดรอยช้ำ และลดการเสียเลือดระหว่างกระบวนการ
  2. การใส่หัวดูดไขมัน:
    • ใช้เครื่องดูดไขมันซึ่งมีหัวขนาดเล็กประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ศัลยแพทย์จะใส่หัวนี้ผ่านทางผิวหนังให้สัมผัสกับก้อนไขมันที่ต้องการสลายโดยตรง
  3. ปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูง:
    • เครื่องดูดไขมันจะปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง คลื่นเสียงนี้จะทำให้เซลล์ไขมันสลายตัวจนกลายเป็นไขมันเหลว การปล่อยคลื่นเสียงออกเป็นระลอก ๆ ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว แต่มีผลน้อยต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ เช่น เส้นเลือดและเส้นประสาท
  4. ดูดไขมันเหลวออกจากร่างกาย:
    • หลังจากเซลล์ไขมันสลายตัวกลายเป็นไขมันเหลวแล้ว จะสามารถดูดไขมันออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น โดยใช้อุปกรณ์หัวดูดไขมันที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้การดูดไขมันมีประสิทธิภาพ
  5. การพักฟื้นและฟื้นตัว:
    • หลังการดูดไขมัน ผิวหนังจะค่อย ๆ หดตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้ผิวบริเวณที่ดูดไขมันเรียบเนียน ระหว่างการพักฟื้น ผู้ป่วยอาจต้องใส่ชุดกระชับเพื่อช่วยในการหดตัวของผิวหนังและลดการเกิดอาการบวม